คัมภีร์มหาโชตรัต ตอนที่ 1



โดย  ยส  พฤกษเวช

พระคัมภีร์มหาโชตรัต                          

พระอาจารย์เจ้าผู้ชื่อว่า  ท้าวสหัมบดีพรหม   ผู้เป็นใหญ่กว่าพรหม  ๑๖  ชั้น  ท่านผู้นั้นลงมาประดิษฐานจารึกอักษรเป็นต้นคัมภีร์มหาโชตรัต  ว่าด้วยปฐมสัตว์มนุษย์อันเกิดมาเป็นรูปสตรีภาพ

รูปสัตรีภาพมีกายประเภทต่างกว่าชาย  ๔  ประการ  คือ

           ๑.  ถันประโยธร 

           ๒.  จริตกิริยา
   
           ๓.  ที่ประเวณี
      
           ๔.  ต่อมโลหิตระดู

ลักษณะอาการอันเกิดจากโลหิตระดูปกติมี ๕ ประการ ( ลักษณะแห่งโลหิตปกติโทษแต่ ๕ ประการ )

๑.  โลหิตํ  หทยํ  ชาตํ
       อันว่าระดูโลหิตแห่งหญิงอันเกิดมาแต่หัวใจ  ชื่อว่า  หทัยวัตถุกำเดา   เมื่อหญิงมีระดูมานั้น  ให้คลั่งเพ้อไปเจรจาด้วยผี  ให้นอนสะดุ้งหวาด  มักขึ้งโกรธไปต่าง ๆ  ครั้นมีระดูออกมาแล้วก็หายเพศ ที่เป็นนั้นแล

๒.  ปิตตํ  ชาตํ  
       โลหิตอันเกิดแต่ขั้วดี   เมื่อจะมีระดูมา ให้คลั่งไคล้ ละเมอเพ้อเจรจาด้วยผี  ให้นอนสะดุ้งหวาด ไป   ครั้นมีระดูออกมาแล้วก็หายเพศนั้นแล

๓.  มํสํ  ชาตํ  
       อันว่าระดูอันเกิดแต่ผิวเนื้อ   เมื่อจะมีระดูมา ให้นอนร้อนผิวเนื้อผิวหนัง ให้แดงดุจผลตำลึงสุก  ลางทีให้ผุดขึ้นทั้งตัวดุจออกหัด  และฟกเป็นดังไข้รากสาด  เป็นไปถึง  ๒  วัน  ๓  วัน  ครั้นมีระดูออกมาแล้วก็คลายไป

๔.  นหารู  ชาโต
       อันว่าโลหิตอันบังเกิดมาแต่เส้นเอ็นทั้งปวงนั้น   เมื่อจะใกล้มีระดูมาให้เป็นประดุจดังไข้จับ  ให้สะบัดร้อนสะบัดหนาว  ปวดศีรษะเป็นกำลัง    ครั้นมีระดูออกมาแล้วก็หายไปแล

๕.  อัฐิกํ  ชาตํ
อันว่าโลหิตอันเกิดมาแต่กระดูกนั้น   เมื่อจะใกล้มีระดูมา  ให้เมื่อยให้ขบไปทุกข้อดังจะขาดจากกัน  ให้เจ็บบั้นเอวสันหลังยิ่งนัก  มักบิดเกียจคร้านบ่อย ๆ  ครั้นมีระดูออกมาแล้วก็หายแล




โลหิตปกติโทษทั้ง  ๕  ประการ  ท่านสงเคราะห์ไว้พอเป็นที่สังเกตแห่งแพทย์  ใช่โลหิตระดูปกติโทษจะมีแต่เท่านี้หามิได้  ก็ย่อมมีทั่วทั้งอาการ  ๓๒  ธาตุทั้ง  ๕  ใช่ว่าโลหิตนั้นจะถึงระดูแล้ว  โลหิตไหลเดินทางมาจากหัวใจ  จากดี  จากเนื้อ  จากเส้น  จากอัฐิก็หามิได้  โลหิตปกตินั้นก็ชุ่มแช่กรัชกายอยู่ทั่วทั้งตัวด้วยสามารถลมทั้ง  ๖  จำพวก  แลลมทั้งหลายพัดให้เดินไปมาตามระหว่างเส้นเอ็นแลเนื้อหนัง  อีกทั้งอวัยวะในกรัชกายทั้งปวง เป็นธรรมดาทุกตัวสัตว์   เตโชธาตุทั้ง  ๔  ก็อบอุ่น ให้โลหิตนั้นร้อน
อยู่เป็นธรรมดา   ถ้าเตโชธาตุกล้าเดินเกินปกติเมื่อใด   โลหิตนั้นร้อนทนมิได้ก็ผุดขึ้นมานอกผิวหนัง   แพทย์สมมุติว่า  เม็ดกำเดา   รากสาดปานดำปานแดงและกาฬทั้งปวง นั้นก็คือ  โลหิตนั่นเอง   ท่านจึงว่าไว้ว่าดีว่ากำเดานั้น  คือ  เตโชโลหิต   นี้เป็นเจ้าของสมุฏฐาน

           อันว่าโลหิตระดูนี้เป็นชาติธรรมดาสตรีผู้ใดเมื่อถึงกำหนดระดูจะมานั้น  ลมกองใดเคยกำเริบ  ลมกองนั้นกำเริบขึ้นทุกเดือนทุกครั้ง  จึงเรียก  ปกติโลหิต  ถ้าถึงกำหนดระดูมาอาการแปลกไปอย่างอื่น  ลมกองอื่นทำแล้ว  จัดได้ชื่อว่า  โลหิตทุจริตโทษ  (โลหิตระดูทุจริตโทษ)   อาการโลหิตปกติโทษนั้นใช่จะมีแต่  ๕  ประการ  นั้นหามิได้  ก็ย่อมมีต่าง ๆ  ตามลักษณะโลหิตที่เป็นนั้น   ตั้งแต่แรกเมื่อระดูมาอาศัยธาตุ อาศัยสมุฏฐาน  อาศัยฤดูที่เคยเป็นนั้น


หญิงมีระดูมาแล้วกลับแห้งไปเหตุด้วยโทษ  ๕  ประการ

หญิงอันมีระดูมาแล้วแลกลับแห้งไปก็ดี    แต่รุ่นสาวขึ้นมาแลอายุควรจะมีระดูมาแล้วแลไม่มีระดูมาตามประเวณี    บางคนแต่รุ่นสาวได้  ๑๔  ปี  ๑๕  ปี  ก็ยังไม่มีระดู ต่อมีผัวแล้วจึงมีระดูมา หญิงเหล่านี้ท่านว่าเป็นประเวณีโลกทั้งหลายแล


สาเหตุที่หญิงคนใดมีระดูมาแล้วกลับแห้งไปมี  ๕  ประการ  คือ

๑.  หญิงมีกามราคะจัด   อำนาจแห่งไฟราคะ  ความกำหนัด เผาโลหิตให้แห้งได้

๒.  บริโภคอาหารเผ็ดร้อนมากเกินไป  เป็นเหตุให้ระดูพิการได้

๓.  โทสะอยู่เป็นนิจ  หรือ  ทำงานหนักมากเกินไป  ทำให้ระดูพิการได้

๔.  มีโมหะอยู่เป็นนิจ หรือเล่นกีฬาออกกำลังกายมากเกินไป  ทำให้ระดูพิการได้

๕.  ลมปฎิสนธิ จากกรรมพันธุ์แห่งบิดามารดา  ย่า  ยาย  ของหญิงนั้น


การใช้ยารักษาโลหิตระดูพิการ

หญิงจำพวกใด  เมื่ออายุได้  ๑๔ ปี  ๑๕ ปีขึ้นไป  ก็สิ้นกำหนดตานทรางแล้ว  ต่อมโลหิตแห่งหญิงนั้นก็ให้บังเกิดขึ้นมาตามประเวณีแห่งสตรีภาพ  ให้พิจารณาดูว่าโลหิตนั้นเกิดแต่ที่ใด  แล้วจึงให้ประกอบยาอันชื่อว่า   พรหมภักตร์  ประจุโลหิตร้ายเสียให้สิ้นเชิง  แล้วจึงแต่งยากำลังราชสีห์  กำลังแสงพระอาทิตย์    บำรุงโลหิตให้บริบูรณ์แล้วเมื่อใด อันว่าสัตว์จะมาปฎิสนธินั้นจะตั้งขึ้นได้เมื่อนั้นแล

ถ้าแพทย์ผู้ใดรู้วิชาในคัมภีร์มหาโชตรัต  จะแก้โลหิตสตรีภาพอันพิการต่าง ๆ  หญิงบางจำพวกโลหิตนั้นเป็นก้อนกลมเข้าเท่าฟองไข่เป็ด   เป็นอยู่ในท้องน้อยและหัวเหน่า   บางจำพวกติดอยู่ในทรวงอก   บางจำพวกกลมกลิ้งอยู่ในท้องน้อยแล้วก็เจ็บปวดท้องดุจดังเป็นบิด   ลางทีให้ขึ้นจุกอยู่ยอดอก  เจ็บปวดดังจะขาดใจตาย ทั้งกลางวันและกลางคืน   ถ้าถึงกำหนด  ๗  วัน  ตายแล


การใช้ยารักษาโลหิตระดูแห้ง

หญิงจำพวกใดตั้งแต่อายุได้  ๑๔ ปี  ๑๕ ปี  แล้วยังไม่มีระดูมาก็ดี  บางทีมีระดูมาแล้วกลับแห้งไปก็ดี   ท่านให้แต่งยาบำรุงไฟธาตุเสียก่อน  ให้ธาตุทั้ง  ๔  บริบูรณ์พร้อม  แล้วจึงแต่งยาบำรุงโลหิตให้โลหิตนั้นชุ่มออกมา  แล้วจึงแต่งยาขับโลหิตต่อไปเถิด


การใช้ยาแก้โลหิตระดูขัดและคลอดบุตรโลหิตไม่ออกสิ้นเชิง

คนทั้งหลายย่อมว่าเป็นบ้าพุทยักษ์  ลางคนก็ว่าผีพรายเข้าอยู่บ้าง  ลางคนก็ว่าเป็นไข้สันนิบาต  เพราะว่าโลหิตนั้นตีให้คลั่งเพ้อ ลางทีให้ขบฟัน จักษุเหลือกแลบชิวหา ให้เท้าเย็นมือเย็นเพราะว่าโลหิตออกไม่สิ้นเชิง จึงให้เป็นต่าง ๆ  กล่าวมาทั้งนี้  ถ้าแพทย์ผู้ใดจะแก้  ให้กินยาผายโลหิตเสียก่อน  จึงแต่งยาให้กินแก้โลหิตเน่า  จึงดองยาให้กินขับโลหิตเน่าให้ออกสิ้นเชิง   ถ้าไม่ออกสิ้นจะกลายเป็นฝีหัวคว่ำ

           หญิงใดคลอดบุตรได้  ๑,๒,๓  วันก็ดี  จนถึงเดือนหนึ่งก็ดี  กำหนดโลหิตร้ายนั้นยังอยู่
ถ้าถึงสองเดือนแล้วจึงพ้นกำหนดโลหิตเน่าร้ายแล  ถ้าว่ากำลังโลหิตกล้านักให้ตีขึ้นไปไม่สมปฤดี  ให้สลบ  ให้ชักมือกำเท้ากำ  อ้าปากมิออก( กัดฟัน )  ลิ้นกระด้างคางแข็ง  ทำให้คนทั้งหลายกลัว  อันนี้ชื่อว่าโลหิตเน่าเป็นใหญ่กว่าลมทั้งหลาย  จึงให้มีโทษดุจดังกล่าวมานี้แล

สำหรับจะแก้โลหิตเน่าร้าย  ระดูขัด  แลคลอดบุตรโลหิตตีขึ้นก็ดี  แลโลหิตแห้งเข้าเป็นก้อนเป็นเถาจะกลายเป็นฝีในมดลูกจะให้เป็นมานโลหิต  มานกระษัยก็ดี  โลหิตจับหัวใจคลั่งเพ้อเป็นบ้าก็ดี  ลางทีให้เจ็บ ชักเท้ากำมือกำ  ตาเหลือกแลตาช้อนให้เป็นไปต่าง ๆ  ดังกล่าวมานี้  ลางทีให้เป็นดังไข้จับ  ลางทีแล่นเข้าจับเอาหัวใจ  จับเอาขั้วดี  ให้คลั่งเพ้อเป็นบ้าไป  แก้ไม่ฟังใน  ๗  วัน  ผู้นั้นตาย  ถ้ามิตาย  จะเป็นคนเสียจริตเป็นบ้าแก้มิฟังเลย  ลางทีกลายเป็นฝีหัวคว่ำ  เป็นมานโลหิต  ลางทีเป็นฝีภายในทั้ง  ๕  ประการ  คือ  ฝีมะเร็งทรวงกระสุน  ฝีทะลุน  เป็นต้น

          ถ้าจะแก้โลหิตเหล่านี้  ให้ทำตามตำรานี้เถิด  ถ้ากำลังลมกล้านักก็ให้ตีขึ้นไม่เป็นสมปฤดี  ให้สลบไป  ลางทีให้ชักมือและเท้าชัก  อ้าปากมิออก ให้ลิ้นกระด้างคางแข็ง  มักทำให้คนกลัว  อันว่ากำลังลมนี้กล้ากว่าโลหิตทั้งหลาย  ให้มีโทษต่าง ๆ ดังกล่าวมาแล้ว

หญิงใดมีระดูมาแล้วโลหิตนั้นกลับแห้งไม่มีมาตามประเวณี หญิงนั้นไปทุกข์สัตว์เบา ให้ขัดหัวเหน่า  หาแรงมิได้  ให้เสียดสีข้าง  ลางทีให้จุกอกขึ้นมา  ครั้นนวดก็ค่อยสบายแล้วกลับเป็นมาเล่า  หลายครั้งหลายที  จึงกลายเป็นฝีในมดลูก  ลางทีก็กลายเป็นลมก้อน  ลมเถา  โรคนั้นว่ากระษัยดานเถา   ท่านแต่งยานี้ไว้สำหรับผู้หญิง  ด้วยว่าจะถึงซึ่งความตายเพราะโลหิตนั้น ( ดูตำราการแพทย์ไทยเดิม ฉบับที่ ๑ ๒๕๓๕  หน้า ๒๘๑)


การใช้ยาแก้สตรีไม่มีระดู ไม่สะดวก ไม่ปกติ

ให้โลหิตนั้นมีกลิ่นเหม็นเน่า  ลางทีเป็นน้ำคาวปลาแลน้ำซาวข้าวแลย่อมให้จุกเสียด  ลางทีให้
สะบัดร้อนสะบัดหนาว  ให้เมื่อยขบไปทั่วสรรพางค์กาย  ลางทีให้บวมหน้าบวมเท้าบวมมือทั้งสอง  บวมท้องแลเจ็บขบหัวเหน่า  แลบั้นเอวแลตะโพกแลให้หน้านั้นเขียวคล้ำดำหมองศรี ให้หัวนมนั้นดำดุจมีครรภ์ก็ดี แล้วให้คลั่งเพ้อเป็นบ้า แลให้ปวดศรีษะหนักก็ดี  ลางคนให้ตาเหลือง  ลางคนให้ตาขาว  ลางทีให้ตาแดงเป็นต้อ  โทษดังนี้เหตุว่าระดูนั้นไม่ปกติจึงให้โทษ  ถ้าแลแพทย์จะพยาบาลไซร้  ให้กินยาประจุโลหิตเสียก่อน  แล้วจึงให้ชำระมลทินและธาตุในกายนั้นให้สิ้นเชิงเสียก่อน  จึงให้กินยาปลูกโลหิต   แล้วจึงให้กินยาชำระโลหิตอันพิการนั้น ต่อเมื่อภายหลัง โทษโลหิตนั้นจึงคลายแล

ริดสีดวงมหากาฬ  ๔  จำพวก

                      จำพวกหนึ่งขึ้นในคอ            จำพวกหนึ่งขึ้นในอก
 
                      จำพวกหนึ่งขึ้นในทวาร         จำพวกหนึ่งขึ้นในลำไส้

ลักษณะอาการ

             เมื่อตั้งขึ้นนั้น  ตั้งขึ้นเป็นกองเป็นหมู่กับประมาณ  ๙,๑๐ เม็ด ๆ เท่าถั่วเขียว   เมื่อสุกนั้นแตกออกเป็นบุพโพโลหิตระคนกัน  แล้วเลื่อนเข้าหากัน ให้บานออกสัณฐานดังดอกบุก เป็นบุพโพโลหิตไหลซึมอยู่ ไม่รู้ก็ว่าฝีปลวกและฝีหัวคว่ำเพราะว่าบริวาร นั้นตั้งเป็นเม็ด ขึ้นตามลำไส้ตลอดถึงลำคอ ให้ปากคอนั้นเปื่อยกินเผ็ดกินร้อนมิได้

ถ้าผู้ใดเป็นไข้ ให้ร้อนภายใน ให้อยากน้ำนัก และตัวคนไข้นั้นให้แข็งกระด้างดุจดังท่อนไม้และท่อนฟืน  ให้ตัวนั้นเป็นเหน็บชาไปทั่วทั้งกาย  หยิกไม่เจ็บ  ท่านว่าเกิดกาฬภายในและให้ปากแห้งฟันแห้ง  นมหดหู่ให้เป็นต่าง ๆ นั้น  ท่านว่ากาฬผุดออกยังไม่สิ้นยังอยู่ในหัวใจนั้น


กายแห่งเราท่านทั้งหลายนี้  โลหิตเป็นปัจจัยชุ่มแช่ให้สดชื่นมีธาตุทั้ง  ๔  เป็นเหตุ  มีธาตุทั้ง  ๔  ก่อเกิด  คือ  เวียนตายและเวียนเกิดอยู่ในภพสงสาร  ถึงจะเป็นเทวดาและมนุษย์ก็ดีจะเป็นเดียรัจฉานก็ดี  แต่บรรดามีจิตวิญญาณก็ย่อมมีธาตุทั้ง  ๔  ทุก ๆ ตัวสัตว์  กายแห่งเราท่านทั้งหลายนี้  เมื่อจะอันตรธานนั้นย่อมอันตรธานด้วยธาตุทั้ง  ๔  ธาตุทั้ง  ๔  บังเกิดแก่มนุษย์ทั้งหลายจึงต้องกองรูปขันธ์ทั้งกาย อินทรีย์ทั้งปวง  เมื่อจะทำลายเบญจขันธ์ก็ทำลายด้วยธาตุทั้ง  ๔  มิได้เว้นจากบุคคลเลย

โลหิตระดูประเภทแห่งสตรีทั้งหลาย  ตามธรรมดาอาศัยซึ่งกองธาตุมิได้บริบูรณ์แล้ว โลหิตก็มิได้งามบริบูรณ์ขึ้นดีได้ อาศัยซึ่งกองธาตุจึงตั้งเป็นร่างกายอยู่ได้  โรคทั้งปวงก็อาศัยซึ่งกองธาตุวิบัติโรคจึงตั้งขึ้นได้



ชาติโทษ  ๒  จำพวก

๑.  สตรีที่ควรมีระดูก็หามีระดูไม่  บางทีมีระดูคราวหนึ่งสองคราวก็แห้งไป

  หญิงบางจำพวกมีอายุได้  ๑๔,๑๕ ปี ก็ดี  ควรมีระดูก็หามีระดูไม่  บางทีมีระดูมาคราวหนึ่งสอง
คราวก็แห้งไป  ต่อมีสามีแล้วจึงมีระดูปกติก็มี  บางทีมีระดูล้างหน้าก็มีครรภ์ทีเดียว  ลักษณะดังนี้เป็นชาติประเวณีแห่งหญิงนั้นมาแต่ตระกูลแห่งบิดามารดาและย่ายายของสตรีผู้นั้นเนื่องกันมาแต่บุราณประเพณี

ถ้าแพทย์จะรักษา  ให้แต่งยาบำรุงธาตุให้บริบูรณ์  กาลควรที่โลหิตจะมีเมื่อใดก็คงจะมีเมื่อนั้น    ท่านกล่าวไว้ว่าหญิงเหล่านี้เกิดด้วยราคะกำหนัด  เพราะความกระสันด้วยกามราคะหนัก  โลหิตจึงแห้งไป  ครั้นมีสามีสมความปรารถนา ราคะกำหนัดนั้นก็คลายลง  โลหิตนั้นก็บริบูรณ์ขึ้นเอง

๒.  สตรีมีโลหิตบริบูรณ์งามดี  ครั้นมีสามีแล้วโลหิตนั้นจางซีดไป
ยาปลูกไฟธาตุ

หญิงจำพวกหนึ่งเมื่อหาสามีได้  โลหิตนั้นบริบูรณ์งามดี  ครั้นมีสามีแล้วได้  ๑ ปี ๒ ปี เดือน ๑  ก็ดี  ๒ เดือนก็ดี โลหิตนั้นจางซีดไป  บางทีแห้งติดกระดูกสันหลัง  มีอาการให้เจ็บหลัง ให้เจ็บเอว ให้เมื่อยทุกข้อทุกลำ  ให้แดก ให้จุก  ให้ท้องขึ้นท้องพอง  ให้เป็นไปต่าง ๆ  ให้ผิวเนื้อชา  เนื้อซีด  หน้าตาอิดโรย  หิวโหยเป็นกำลัง  ให้นอนมิหลับ  กินข้าวมิได้

             แพทย์ผู้ใดมิได้รู้  ก็สมมุติว่าเถาว่าดาน  ริดสีดวงก็ว่า  เพราะโทษโลหิตนั้นเอง  เพราะสตรีผู้นั้นมักมากด้วยราคะกิเลส  ส้องเสพกามคุณ ด้วยสามีนั้นมากด้วยกามคุณนัก  ไม่เป็นที่จะกินจะนอน    สตรีมิอาจทนทานกำลังสามีได้  โลหิตนั้นจึงแห้งไป

ถ้าแพทย์จะรักษา  พึงให้เอายาประจุโลหิตจงหนัก  แล้วจึงแต่งยาบำรุงธาตุบำรุงกามให้กิน  แล้วจึงแต่งยาชื่อว่า  กำลังราชสีห์และยาแสงพระอาทิตย์  บำรุงโลหิตให้บริบูรณ์แล้วเมื่อใด  สัตว์ที่จะมาปฏิสนธิก็จะตั้งขึ้นได้เมื่อนั้น

ลักษณะโลหิตระดูทุจริตโทษ  ๕  ประการ

๑.  โลหิตระดูร้าง   เมื่อจะบังเกิด  โลหิตระดูมิได้มาตามปกติ  บางทีดำและมีกลิ่นเหม็นเน่า  บางทีจางดุจน้ำชานหมาก  บางทีใสดุจน้ำคาวปลา  บางทีขาวดุจน้ำซาวข้าว  กระทำให้เจ็บปวดเป็นไปต่าง ๆ  ครั้นเป็นนานเข้ามักกลายเป็นมานโลหิต

๒.  โลหิตคลอดบุตร    เมื่อจะบังเกิด  ทำให้โลหิตคลั่งเข้าเดินไม่สะดวก  แล้วตั้งขึ้นเป็นลิ่มเป็นก้อน  ให้แดกขึ้นแดกลง  บางทีให้คลั่ง  ขบฟัน  ตาเหลือกตาช้อน  ขอบตาเขียวและริมฝีปากเขียว  เล็บมือเล็บเท้าเขียว  สมมุติว่าปิศาจเข้าสิง

๓.  โลหิตต้องพิฆาต    เกิดจากตกต้นไม้ และถูกทุบถองโบยตี  ถ้าเป็นดังกล่าว  ท่านว่าไข้นั้นถึงพิฆาตเพราะโลหิตที่ถูกกระทำนั้นกระทบช้ำระคนกับโลหิตระดู  เกิดแห้งกรังเข้าติดกระดูกสันหลังอยู่  จึงได้ชื่อว่า  โลหิตแห้งกรัง  เพราะอาศัยโลหิตพิการ

ยาสตรีพฤกษเวช
๔.  โลหิตเน่า    อาศัยโลหิตระดูร้าง  โลหิตคลอดบุตร  โลหิตต้องพิฆาต และโลหิตตกหมกช้ำเจือมา
เน่าอยู่  จึงเรียกว่าโลหิตเน่า  เป็นใหญ่กว่าโลหิตทั้งหลาย  เมื่อจะให้โทษ  โลหิตเน่ามีพิษอันกล้าแล่นไปทุกขุมขน  บางทีแล่นเข้าจับหัวใจ  บางทีแล่นออกผิวเนื้อ  ผุดเป็นวงดำ แดง เขียว ขาวก็มี  บางทีผุดขึ้นดังยอดผด  ทำพิษให้คันเป็นกำลัง  ให้ทุรนทุรายยิ่งนัก

๕.  โลหิตตกหมกช้ำ    ก็อาศัยโลหิตเน่า  เหตุเพราะแพทย์ใช้ยาประคบ  ยาผาย  ยาขับโลหิตไม่ถึงกำลัง  หมายถึงให้ยาน้อยกว่ากำลังเลือด  และโลหิตนั้นเกิดระส่ำระสายออกไม่หมดสิ้นเชิง  จึงตกหมกช้ำอยู่  ได้ชื่อว่า  โลหิตตกหมกช้ำ  บางทีตกช้ำอยู่ในเส้นเอ็น  หัวเหน่า  เมื่อจะให้โทษก็คุมกันเข้า  กระทำให้เป็นฝีมดลูก  ฝีปอดคว่ำ  ฝีเอ็น  ฝีอัคนีสันต์  ฝีปลวก และมานโลหิต

ลักษณะโลหิตอันเกิดในกองธาตุทั้ง  ๔

๑.  โลหิตอันเกิดแต่กองอาโปธาตุ    สตรีผู้ใดที่ยังมิได้มีสามีก็ดี  มีสามีแล้วก็ดี  เมื่อระดูจวนจะมีมานั้น  กระทำให้ลงไปวันละ  ๕ ครั้ง ๖ ครั้ง  ระดูนั้นเดินออกมาเป็นมวกเป็นมัน  เหม็นคาวยิ่งนัก  โลหิตนั้นบางทีใส  บางทีเป็นเปลว  ดุจปะระเมหะและไข่ขาว  ระดูนั้นเดินมิสะดวก  ให้ปวดท้องเป็นกำลัง  ให้บริโภคอาหารมิได้

๒.  โลหิตอันเกิดแต่กองเตโชธาตุ      สตรีผู้ใดมีสามีแล้วก็ดี  หาสามีมิได้  ลักษณะเมื่อระดูจะมีมานั้น  กระทำให้ตึงไปทั้งตัวแล้วระดูจึงมีมา  ให้ร้อนทางช่องครรภ์ดุจถูกพริกและโลหิตที่ออกมานั้น  เป็นฟองมีสีดุจน้ำฝางอันบุคคลเอาน้ำส้มมะนาวบีบลง  สีนั้นก็เหลืองไป  แล้วกระทำให้ร้อนผิวเนื้อดังจะปอกและให้อาเจียน  ให้เหม็นอาหาร  บริโภคอาหารมิได้  ให้สะบัดร้อน สะท้านหนาวและให้จุกแดก  ดังกล่าวมานี้

๓.  โลหิตอันเกิดแต่กองวาโยธาตุ     สตรีผู้ใดที่มีสามีแล้วก็ดี  ที่มิได้มีสามีก็ดี  ลักษณะเมื่อจะมีระดูมานั้น  กระทำให้ท้องขึ้นท้องพอง  ให้จุกเสียดเป็นกำลัง  ให้ตัวร้อน  ให้จับเป็นเวลา  ให้คลื่นให้เหียนให้อาเจียนแต่ลมเปล่า  ระดูมีมาไม่สะดวก  มีสีดุจน้ำดอกคำอันจาง  ให้ปวดเป็นกำลัง

๔.  โลหิตอันเกิดแต่กองปัถวีธาตุ     สตรีผู้ใดที่มีสามีแล้วก็ดี  ที่หาสามีมิได้นั้นก็ดี  แลลักษณะเมื่อ
ระดูจะมีมานั้น  ให้เมื่อยทุกข้อ ทุกลำกระดูก  ระดูเดินหยดย้อยมิได้สะดวก   บางทีเป็นมันเมือก  บางทีเป็นปะระเมหะระคนออกมากับโลหิต  เหนียวดุจยางมะตูม  กระทำให้ร้อนให้แสบแล้วจุกเสียด  ให้ท้องขึ้นเป็นกำลัง  และระดูนั้นมีสีดำ  สีแดง  สีขาว  สีเหลืองระคนกันออกมา  มีกลิ่นอันคาวยิ่งนักให้ปวดในอุทรเป็นกำลัง

ยารักษาโรคสตรี

ยาบำรุงไฟธาตุ    

          ท่านให้เอาลูกเบญจกูลสิ่งละบาท ๑  ผลผักชี ๑  ว่านน้ำ ๑  หัวแห้วหมู ๑  พิลังกาสา ๑  บอระเพ็ด ๑  ผิวมะกรูด ๑  ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๑  บาท  ทำเป็นผงละลายน้ำส้มซ่า  บำรุงไฟธาตุให้บริบูรณ์แล้ว  จึงแต่งยาบำรุงโลหิตต่อไปนั้น

ยาบำรุงโลหิต
ยาบำรุงโลหิต

   
          ท่านให้เอาเบญจกูลสิ่งละบาท ๑  โกฐทั้ง ๕  เทียนทั้ง ๕  สิ่งละ  ๒  สลึง  ผลจันทน์ ๑  สลึง  ดอกจันทน์ ๑  สลึง  กระวาน ๑  สลึง  กานพลู ๑  สลึง  เลือดแรด ๑  บาท  ดอกคำไทย ๑  บาท  ฝางเสน  ๒  บาท  เกสรดอกพิกุล ๑  ดอกบุนนาค ๑  ดอกสารภี ๑  ดอกบัวหลวง ๑  ดอกมะลิ ๑  ดอกจำปา ๑  ดอกกระดังงา  กฤษณา  ๑  กระลำพัก ๑  ชะลูด  ๑  ขอนดอก ๑  อบเชยเทศ ๑  ชะเอมเทศ ๑  จันทน์ทั้ง ๒  ขมิ้นเครือ ๑  เอาเสมอภาค  ต้มให้กิน  โลหิตนั้นงามดีอย่าสนเท่ห์เลย

ยาแก้สารพัดโลหิตเน่าโลหิตร้ายทั้งปวง    

           เอารากช้าพลู ๑  ผลช้าพลู ๑  รากเจตมูลเพลิง ๑  ว่านน้ำ ๑  ฝักส้มป่อย ๑  เม็ดสลอด ๑  สหัสคุณเทศ ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ๑  บาท  เปล้าน้อย ๙  บาท  พริกล่อน ๓  ตำลึง  กระเทียม ๒  ตำลึง  หัวดองดึง ๑  บาท  ตำเป็นผงละลายน้ำผึ้งก็ได้  น้ำส้มซ่าก็ได้  เหล้าก็ได้  ถ้าจะแช่สุราฝังข้าวเปลือกไว้กินแก้สารพัดโลหิตเน่าโลหิตร้ายทั้งปวง   แก้เสมหะริดสีดวงผอมเหลืองก็ได้  ดีทุกประการแล

ยาสังข์แพทย์ (น้อย)  

           ท่านให้เอาสังข์  ๖  บาท  ดินประสิวขาว ๑  บาท  ผลจันทน์ ๑  สลึง  เทียนดำ ๒  สลึง  เทียนขาว ๒  สลึง  เกลือ ๑  สลึง  ขมิ้นอ้อย ๑  บาท  หัวกระชาย ๒  สลึง  ไพล ๒  สลึงหัวหอม  ๒  สลึง  หัวกระเทียม ๒  สลึง  บดเป็นแท่งไว้ละลายน้ำส้มซ่า แก้โลหิตเน่าร้ายมิให้ตีขึ้นไป   ถ้าผู้ใดกินยานี้เหมือนอยู่ไฟได้เดือนหนึ่ง  อย่าสนเท่ห์เลย  ได้ทำมามากแล้ว

ยาสังขแพทย์  (ใหญ่)  

          เอาเทียนทั้ง ๕  โกฐทั้ง ๕  ผลสมอไทย ๑  ผลสมอพิเภก  ๑  ผลผักชีล้อม ๑  ผลผักชีลา  ๑  เกลือ
สินเธาว์ ๑  น้ำประสานทอง ๑  หัวอุตพิต ๑  เบี้ยตัวผู้ ๑  สังข์  มหาหิงคุ์ ๑  ขิงแห้ง ๑  พริกล่อน ๑  การบูร ๑  ยาทั้งนี้เอาเสมอภาคทำผงไว้ก่อน  ถ้าจะทำเป็นยารุใหญ่เอาผลสลอดเทายาทั้งหลาย  ถ้าจะทำเป็นยาผายเอาผลสลอด  ๒  ส่วน  บดกินหนัก  ๒  ไพ  ถ้าผู้หญิงกินหนัก  ๑  ไพ  แก้โลหิตร้ายทั้งปวง  แก้ริดสีดวง  แก้คุณผี  แก้คุณคนก็ได้  รุสรรพโลหิตเน่าร้ายทั้งปวง  ท่านตีค่าไว้ชั่งทองหนึ่งแล

ยาสังขวิชัย    

           ท่านให้เอารากพันงูแดง ๔  บาท  หัวแห้วหมู ๔  บอระเพ็ด ๔  บาท  ไพลแห้ง ๑  บาท  ขมิ้นอ้อยแห้ง ๑  บาท  รากมะตูม ๑  บาท  รากจิงจ้อ ๑  บาท  รากปีบ ๑  บาท  ผิวมะกรูด ๑  บาท เอื้องเพ็ดม้า ๒  บาท  เปลือกกุ่มทั้งสองสิ่งละ  ๒  บาท  มะไฟเดือนห้า  ๒  บาท  สมุลแว้ง ๒  บาท  กรุงเขมา ๒  บาท  โกฐทั้งเก้าสิ่งละ  ๒  บาท  รากเจตพังคี ๑  บาท  การบูร ๕  บาท  เมล็ดในกระวาน  ๒  บาท  ผลเอ็น ๘  บาท  รากมะรุม  ๓  บาท  รากมะแว้งเครือ  ๒  บาท  รากมะเขือขื่น ๒  บาท  ผลจันทน์ ๑  บาท  ดอกจันทน์ ๑  บาท  กานพลู ๒  บาท  รากเจตมูลเพลิง ๕  บาท  แก่นแสมทั้งสองสิ่งละ  ๑๐  สลึง  สะค้าน  ๒  บาท  สนเทศ  ๑  บาท  หญ้ายองไฟ ๘  บาท  สังข์เผา ๒  บาท  สังข์หนาม ๔  บาท  ยาทั้งนี้ตำเป็นผงละลายน้ำส้มซ่าให้หญิงกิน  เป็นไข้เพื่อโลหิตทำพิษต่างๆ   เพราะต้นโลหิตขัดก็ดี  โลหิตออกไม่สะดวกก็ดี  ริดสีดวงปากเปื่อยก็ดี  ริดสีดวงแห้งก็ดี  กระษัยท้องมานก็ดี  ป้างม้ามท้องโรก็ดี  กินยานี้หาย   ถ้าระดูไม่สะดวกให้ละลายน้ำไพลกินออกดีแล   ถ้าเป็นลมปัจจุบันละลายน้ำกระเทียมกินหาย  ถ้าเป็นโลหิตปัจจุบันให้ละลายน้ำไพลกินหาย   ถ้าริดสีดวงงอกทวารทั้ง  ๙  ละลายน้ำผึ้งกินหาย  ถ้าเป็นลมเปลี่ยวดำละลายน้ำมะนาว น้ำส้มซ่า กินหายแล  ยานี้เป็นมหาวิเศษนัก  ยากที่บุคคละทำได้  ท่านตีค่าไว้ชั่งทองแล  ถ้าผู้ใดพบให้เร่งทำใช้เถิด

ยาแก้สรรพลมในปัสสาวะ  

ยาแก้มดลูกพิการ
              เอาไพล ๑  เปลือกกุ่มทั้ง  ๒  ลำพันแดง ๑  รากละหุ่งแดง ๑  ผลกระวาน ๑  กานพลู ๑  ข่า ๑  ขมิ้นอ้อย ๑  รากพันงูแดง ๑  รากอังกาบ ๑  ผลสมอไทย ๑  ผลสมอพิเภก ๑  ผลผักชีทั้งสอง  หัวตะไคร้หอม ๑  ผลช้าพลู ๑  ขิงแครง ๑  ขิงแห้ง ๑  รากเจตมูลเพลิง ๑  เปลือกราชพฤกษ์ ๑  รากกระพังโหมทั้ง ๒  ดีปลี ๑  สะค้าน ๑  เปลือกโลด ๑  ว่านเปราะ ๑  เทียนทั้ง ๕  โกฐหัวบัว ๑  โกฐกระดูก ๑  โกฐสอ ๑  โกฐเขมา ๑  โกฐพุงปลา ๑  เครื่องสมุนไพรสิ่งละ ๑  บาท  เครื่องเทศสิ่งละ  ๒  สลึง ทำผงบดเป็นแท่งไว้ละลายน้ำเหล้าก็ได้  น้ำขิงก็ได้  น้ำข่าก็ได้  แก้สรรพลมในปัสสาวะนั้นแล  

ยาเบญจขันธ์   (น้อย)  

             แก้โลหิตเน่าอันกลัดทวาร  ท่านให้เอาเปลือกมะยมตัวผู้ ๑  เปลือกมะไฟ ๑  เปลือกสะท้อน ๑  รากตองแตก ๑  ใบสมอทะเล ๑ เอาเสมอภาคต้ม  ๓  เอา  ๑  ให้กินแต่พอกำลัง  แก้สรรพโลหิตเน่าหายแล
ยาเบญจขันธ์  (ใหญ่)

            แก้โลหิตตกหมกอยู่  เอาหัวหอม ๑  ขิง ๑  เจตมูลเพลิง ๑  ไพล ๑  ใบคนทีสอ ๑  เทียนดำ ๑  ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ  ๑  จอก  เอาเหล้าเป็นกระสายต้ม  ๓  เอา  ๑  กินแตพอกำลังหายแล

ยาแก้โลหิตตีขึ้น  

            เอาอำพัน ๑  กระเทียม ๑  มหาหิงคุ์ ๑  ตะไคร้หอม ๑  เอายาทั้งนี้เสมอภาค  บดด้วยน้ำมะนาวให้กินแก้ลิ้นหด  และคางแข็ง  แก้โลหิตให้กระจาย  ทาคางแข็งให้อ่อนอ้าปากออกได้แล

ยาผายโลหิต  

           เอารากขี้กาแดง ๑  ขี้เหล็กทั้งห้า ๑  ใบมะกา ๑  ใบมะขาม ๑  ใบส้มป่อย ๑  หญ้าไซ ๑  ผลคัดเค้า ๑  ต้มให้งวดแล้วกรองเอาน้ำขยำใส่ลงอีก  เคี่ยวให้ข้นปรุงยาดำสลึงเฟื้อง  ดีเกลือ ๑  บาท  กินประจุโลหิตร้ายทั้งปวง  แก้ไข้สันนิบาต  แก้ไข้ฝีดาษแล

ยาผายโลหิตเน่าทั้งปวง  

           เอาใบมะขาม ๑  ใบส้มป่อย ๑  โขลกเอาน้ำสิ่งละทะนาน  เกลือ ๑ บาท  เคี่ยวให้ข้น  เมื่อกินเอามะขามเปียกละลายลง  จึงปรุงยาดำ ๑  สลึง  ดีปลี ๑  บาท  กินประจุโลหิตเน่า โลหิตร้าย  ตกสิ้นดีนักแล

ยาบำรุงโลหิต  

ยาบำรุงโลหิต
           เอาแก่นแสมทะเล ๑  เปลือกมะซาง ๑  กานพลู ๑ สารส้ม ๑  ดินประสิวขาว ๑  เทียนดำ ๑  เสมอ
ภาค  ทำผงละลายสุรากิน  ได้ทำมามากแล้ว  โลหิตตกสิ้นดีนั้นแล
ยาแก้อยู่ไฟไม่ได้     เอาหัศคุณเทศ ๑  แก่นแสมทะเล ๑  หญ้ายองไฟ ๑  ขมิ้นอ้อย ๑  บดละลายสุรากินให้ขับโลหิตดีนักแล
      เอาสารส้ม ๑  บาท  เกลือ ๑  บาท  เทียนดำ ๑  บาท  ทำผงละลายสุรากินก็ได้  ละลายน้ำร้อนกินได้ถ้าจะทำเป็นก้อนเอามะนาว  ๑๐  ผล  เอาแต่น้ำใส่กระทะตั้งไฟขึ้น  เอายานั้นลงกวนไปให้เป็นลูกกลอน  กินแก้อยู่ไฟไม่ได้ดีนักแล

ยาแก้โลหิตตกหมกขังอยู่ในท้องน้อย  

            เอาสารส้มบดใส่กระเบื้องสะตุแล้ว  หนัก  ๒  ตำลึง  พริกไทยบดแล้ว  ๒  ตำลึง  แช่สุรากลั่น  ๒
 ทะนาน  ผนึกชันฝังข้าวเปลือกไว้  ๗  วัน  เมื่อจะฝังนั้นเสกด้วยมนต์นี้  (โอมพิษๆ  มหาพิษๆ  กูจะกรอกเด็ดก้านพิษนานา  โอมตรีภยันตุ ภุญชันตุ สวาหะ)  ๗  หน  กินเถิด  หายปวดมวนท้องดีนักแล

ยาสุรามฤตย์  (ใหญ่)  

            เอาน้ำประสานทอง ๑ เกลือสินเธาว์ ๑  เมล็ดผักชีทั้งสอง  ผลจันทน์๑  ดอกจันทน์ ๑  ผลจิงจ้อ
ใหญ่ ๑  โกฐสอ ๑  ตรีกุฏก ๑  ยานี้เอาเสมอภาค  เอาเมล็ดสลอด  ๑๒  เมล็ด  ฝังเข้าในผลมะนาวเผาไฟให้ระอุ  เอาหนัก  ๑  บาท ทำผงไว้ เมื่อจะกินหนัก  ๒  ไพ  ถ้าธาตุหนักกิน ๑  เฟื้อง ลงสิ้นเสมหะโลหิตร้ายจนสิ้นเชิงแล  ถ้าลมจุกเสียดโลหิตตีขึ้นปะอก  ตกช้าง  ม้า  ควาย  วัว  ตกต้นไม้และคลอดบุตรโลหิตขึ้นปะอก รกมิออก  ได้กินยานี้โลหิตออกแล  สรรพโรค  ผู้หญิงกินหายสิ้นแล

ยาแก้หญิงโลหิตมิออกสะดวก
 
           ให้เอาขมิ้นอ้อย ๑  ไพล ๑  ผลผักชีล้อม ๑  บดละลายด้วยมูตรโคดำกินหายแล

ยาจำเพาะโลหิตให้สะดวก  

           เอารากผักไห่ ๑  รากมูลกาแดง ๑  ขมิ้นอ้อย ๑  ผลคัดเค้า ๑  ต้ม  ๓  เอา  ๑  กินให้ผายโลหิตร้ายครอบฝีภายในด้วยดีนักแล

ยาแก้บิดลูกเมื่อมีครรภ์  

           เอาดินกิน ๑  เปลือกมะขามป้อม ๑  กระเทียม ๑  น้ำตาลหม้อ ๑  ดีปลี ๑  เอาเท่ากันบดให้ลูกกลอกกินแก้บิดดีนักแล

ยารุโลหิตเน่าร้ายทั้งปวง  

           เอาเปลือกเงาะ ๑  เปลือกมะยมตัวผู้ ๑  เปลือกต้นมะซาง ๑  เปลือกประยงค์ป่า ๑  เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑  กินแต่พอกำลังหายจับไข้ต่าง ๆ  ดีนักแล

ยาอินทจรสุรามฤต  

           ประจุโลหิตเน่าร้ายทั้งปวง  ท่านให้เอาน้ำประสานทอง ๑  ผลจันทน์ ๑  ดอกจันทน์ ๑  โกฐสอ ๑  โกฐเขมา ๑  ผลผักชีลา ๑  พริกล่อน ๑  ขิงแห้ง ๑  ผลจิงจ้อ ๑  เกลือสินเธาว์ ๑  ผลสะบ้าเผา ๑  กานพลู ๑  ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๑  สลึง  ผลสมอเทศ ๑  บาท  เอาสลอดปอกเปลือกเอาไส้ออกเสียแล้วใส่ในผลมะพร้าวนาฬิเกอ่อนสุมไฟแกลบไว้ยังรุ่ง  เอาออกทับให้หมดน้ำจึงบดเข้ากันกับยานั้น  ทำผงไว้ละลายน้ำผึ้ง  น้ำรอนก็ได้  ถ้าธาตุหนักกินแต่เฟื้อง ๑  ลงจนเสมหะ  ขับโลหิตร้ายสิ้นเชิง   ทั้งแก้ลมจุกเสียดก็ดี  แก้โลหิตตีขึ้นก็ดี รกมิออกก็ดี  อย่าสนเท่ห์เลยดีนัก  แก้สรรพโรคแล  ท่านตีค่าไว้ชั่งทองหนึ่งแล
ยาแก้ปวดบวมและจุกเสียดเป็นกร่อนลงฝัก     เอากุ่มน้ำ ๑  กุ่มบก ๑  มะรุม ๑  ทองหลาง ๑  ใบขนาด ๑  ใบคนทีสอ ๑  ผลคัดเค้า ๑  รากฟักข้าว ๑  รากตำลึง ๑  รากมูลกาแดง ๑  รากมูลกาขาว ๑  รากผักไห่ ๑  รากผักเป็ด ๑  รากผักคราด ๑  รากผักเสี้ยน ๑  กะเม็ง ๑  หญ้าไซ ๑  หญ้าปากควาย ๑  ใบมะยมตัวผู้ ๑  ใบรักขาว ๑  ใบเสนียด ๑  ขมิ้นอ้อย ๑  ยาทั้งนี้ตำเอาน้ำสิ่งละทะนาน  จึงเอาน้ำผึ้งทะนาน ๑  ใส่กระทะตั้งไฟเคี่ยวให้เป็นยางมะตูมแล้ว  จึงปรุงพริกล่อน  ๒  บาท  ผลสลอด  ๒  บาท การบูร  ๑  บาท  ใส่ลงกวนให้เป็นลูกกลอน  กินหนักสลึง ๑  แก้โลหิตร้ายทั้งปวง  แก้ปวดบวมและจุกเสียดเป็นกร่อนลงฝัก  หญิงถึงระดูไม่สะดวก  กินยานี้หายแล

ยาแก้หญิงมีระดูไม่สะดวก  

          เอาเบี้ยตัวผู้ ๓  เบี้ย  หอยขม  ๓  หอย  เผาให้โชน  เอาสมอร่องแร่ง ๑  เทียนดำ ๑  สารส้ม ๑  ราก
ยาแก้ระดูไม่ปกติ
ฟักข้าว ๑  รากอ้อยช้าง ๑  ยาทั้งนี้เอาเสมอภาค  ทำผงกินหนัก ๑  สลึง  ละลายน้ำมะนาวให้กินเดือน ๑  มีระดูมากแล  ได้ทำมาแล้วดีนักแล

ประจุโลหิตเน่าและโลหิตร้าย โลหิตขัด     ขนานหนึ่งเอาสมอร่องแร่ง ๑  หญ้าไซ ๑  ตรีกฏุก ๑  กระเทียม ๑  ผิวมะกรูด ๑  เทียนดำ ๑  การบูร ๑  ยาทั้งนี้เอาเสมอภาค  บดละลายเหล้ากินจำเพาะประจุโลหิตเน่าและโลหิตร้าย  โลหิตขัดนั้นออกได้ดังใจแล

อนึ่ง  เอาใบสะบ้ากำมือ ๑  พริกไทย  ๗  ขิง  ๗  เกลือ ๗  บดละลายเหล้ากิน  ๓  วัน ๆ ละ  ๓  เวลา  โลหิตออกแล  ได้ทำมาแล้วดีนักแล

ยาแก้โลหิตอันคลั่ง  

          ยาต้ม  เอาเปล้าทั้ง ๒  สหัสคุณเทศ ๑  สหัสคุณไทย ๑  โกศพุงปลา ๑  ขมิ้นอ้อย ๑  รากผักกระชับ ๑  ยาทั้ง ๒  สิ่งนี้ให้พลี  เอาแต่ที่ต้นโทน  ต้มด้วยสุรากลั่น  เงินผูกคอหม้อ ๑  บาท  กินทีละช้อนหอย ๑  แก้โลหิตอันคลั่งมีพิษก็ดี  เป็นมุตกิดก็ดี  ได้กินยานี้หายแล

ยาแก้หญิงระดูมิสะดวก

          โลหิตเน่าร้ายคลั่ง     ท่านให้เอารากละหุ่งแดง ๑  เมล็ดฝ้ายหีบแล้ว ๑  เทียนดำ ๑  ขิง ๑  ดินประ
สิวขาว ๑  เอาเสมอภาคต้มกินช้ำรั่ว  แก้โลหิตด้วยแล

ยาแก้โลหิตร้าย     ท่านให้เอาน้ำมันนี้ให้กิน  เอาขิงสด ๕  ตำลึง  บอระเพ็ด ๕  ตำลึง  น้ำมันงาทะนาน ๑  น้ำมันมะพร้าวทะนาน ๑  หุงให้คงแต่น้ำมันแล้วจึงปรุงผลจันทน์ ๑  ดอกจันทน์ ๑  กระวาน ๑  กานพลู ๑  ผลเบญจกานี ๑  เนระพูสีทั้งสอง   ดีปลี ๑  เทียนสัตตบุษย์ ๑  เทียนทั้ง ๕  สมุลแว้ง ๑  เอาเสมอภาคทำผงระแนงให้ละเอียดปรุงให้กินแต่พอกำลัง  แก้หญิงคลอดบุตรและโลหิตร้ายมิสิ้น จะกลายเป็นฝีในมดลูกก็ดี  เป็นฝีหัวคว่ำก็ดี  น้ำมันนี้วิเศษแล

ยาแก้มุตกิด  

ยาแก้มุตกิต
           ถ้ามิฟังให้หุงน้ำมันนี้อีกเล่า  เอาน้ำมะนาว  ๒  ทะนาน  ขิงสด ๑ กะทือ ๑  ไพล ๑  ข่า ๑  กระชาย ๑  หอม ๑  กระเทียม ๑  พริก ๑  ขิง ๑  เปลือกกุ่มทั้ง ๒  เปลือกทองหลางใบมน ๑  ขมิ้นอ้อย ๑  เปลือกมะรุม ๑  ยาทั้งนี้เอาสิ่งละทะนาน  เอาน้ำผักเสี้ยนผี ๕  ทะนาน  เกลือรำหัด  หุงให้คงแต่น้ำมัน  แล้วจึงปรุงงูดีเหลือม ๒  สลึง  ผลจันทน์  สลึง  ดอกจันทน์ ๑  สลึง  กระวาน ๒  สลึง  กานพลู ๑  บาท  ตำระแนงปรุงลงแล้ว  จึงกินจำเพาะแก้โลหิตอันคลั่งมีพิษก็ดี  เป็นมุตกิดดีนักแล

ยาขับโลหิตเน่าร้าย  

           ถ้าจะแก้ท่านให้เอาเทียนทั้ง ๕  สิ่งละ ๑  บาท  พริกล่อน ๓  บาท  เอาแก่นแสมทะเลเท่ายาทั้งหลายทำผง  เมื่อจะกินชั่งเอาหนักสลึงเฟื้อง  บดละลายเหล้ากินขับโลหิตเน่าร้ายทั้งปวงตกสิ้น

ยาไฟประลัยกัลป์  

           เอาขิงแห้ง ๑  บาท  พริกเทศ ๑  บาท  พริกไทย ๑  บาท  ผลจันทน์  ๒  สลึง  การบูร ๒  สลึง  เอาแก่นแสมทะเลเท่ายาทั้งหลาย  ทำผงละลายน้ำผึ้งกินเป็นยาร้อน  ขับโลหิตเน่าร้ายทั้งปวง  ดีนักแล

ยาอินทรชวร  

            ท่านให้เอาผลสลอดประสะแล้วหนัก ๑  บาท  ผลสอเทศ ๑  บาท  ผลผักชีล้อม ๑ บาท  เกลือสินเธาว์ ๑  สลึง  โกฐสอ ๑  สลึง  พริก ๑  สลึง  ขิง ๑  สลึง  ดีปลี ๑  สลึง  น้ำประสานทอง ๑  สลึง  บดทำแท่งไว้  ถ้าธาตุหนักกิน  ๑  เฟื้อง  ถ้าธาตุเบากิน ๒ ไพ  ลงถึงเสมหะ  ละลายน้ำผึ้งก็ได้  น้ำร้อนก็ได้  จำเพาะประจุโลหิตเน่าร้ายทั้งปวง แก้ริดสีดวงมงคร่อ ดีนักแล

ยาตรีภักตร์  

            ท่านให้เอาผลสลอดประสะแล้วหนัก  ๑  บาท  เกลือสินเธาว์ ๑  บาท  งาเมล็ด ๑  บาท  ยาทั้งนี้ให้คั่วด้วยน้ำมันงาแต่ละสิ่งๆแล้วจึงประสมกันเข้าบดให้ละเอียดปั้นก้อน  กินเท่าผลพุทรา  จำเพาะประจุโลหิตเน่าร้ายทั้งปวง  แก้สรรพโรคทุกประการ

ยาประจุโลหิตเมื่อคลอดบุตร  

           ท่านให้เอาสะค้าน ๑  ดีปลี ๑  ยารากขาว ๑  กระเทียม ๑  รากเจตมูลเพลิง ๑  เอาเสมอภาค  ทำผงละลายสุรากิน  เมื่อจะกินสารส้มปรุงลงหน่อย ๑ ชูโลหิต  หญิงไม่ถึงระดู  ขัดระดู ผอมเหลือง ให้ลงท้อง  กลายเป็นริดสีดวงพลวกให้กินยานี้หายแล

อนึ่ง   อาเปลือกมะเฟือง ๑  บาท  เปลือกโลด ๑  บาท  หญ้าแพรก ๑  บาท  พริกไทย ๑  บาท  ขิงแห้ง ๑  บาท  ดีปลี ๑  บาท  กะทือ ๑  ไพล ๑  บาท  กระชาย ๑  หอม ๑  บาท  กระเทียม ๑  บาท  ผิวมะกรูด ๑  บาท  เอาฝักส้มป่อยต้มให้ข้น  เอาน้ำเป็นกระสายบดแทรกข่าแก่  ๒  สลึง  บดปั้นเท่าเม็ดพริกไทยกิน  ๑๑  เม็ด  รุโลหิต ขับโลหิต  แก้ระดูขัดนั้นออกสะดวกดีนักอย่าสนเท่ห์เลย  

ยามหาชุมนุมธาตุ  

           ยาปลูกไฟธาตุให้บริบูรณ์  มิให้หย่อนมิให้หนัก  แต่พอบริบูรณ์ไว้นั้น  ท่านให้เอาหัวดองดึง ๒  บาท  ผักแพวแดง ๒  บาท  ขิงแห้ง  ๒  บาท  พริกไทย ๕  บาท  ยาทั้งนี้ทำผงแล้วเอาน้ำใบคนทีสอเป็นกระสาย  บดเป็นแท่งไว้เท่าเม็ดพริกไทยกิน  ๙,๑๐,๑๓  เม็ด  ให้ปลูกไฟธาตุ  ถ้าจะให้ผายเอารากตองแตก ๒  บาท  ใบสลอด ๒  บาท  พริกไทย ๒  บาท  บดเข้าด้วยกันกินเจริญอาหาร  แก้ไอ  แก้ท้องขึ้นก็ได้  ยานี้วิเศษนัก  ถ้าผู้ใดพบอุตส่าห์ทำกินเถิด

ยาปลูกไฟธาตุ
ยาปลูกไฟธาตุ

           เป็นยาอายุวัฒนะด้วย     ท่านให้เอาดีปลี  ๑  รากช้าพลู ๑  ผักแพวแดง ๑  สะค้าน ๑  ขิงแห้ง ๑
 ผลผักชีล้อม ๑  ว่านน้ำ ๑  หัวแห้วหมู ๑  ผลพิลังกาสา ๑  ผิวมะกรูด ๑  ยาทั้งนี้เอาเสมอภาค  พริกล่อนเท่ายาทั้งหลาย  ทำผงละลายน้ำผึ้งก็ได้  น้ำส้มซ่าก็ได้  น้ำร้อนก็ได้  สุราก็ได้  ปลูกไฟธาตุให้โลหิตงาม  ถ้าไม่มีระดูให้ระดูมีมา  ถ้าแม่ลูกอ่อนกินมีน้ำนมมากทั้งหาโทษมิได้เลยดีนักแล

ยาแก้สรรพโรคเน่าร้ายทั้งปวง  

          เอารากช้าพลู ๑  บาท  ผลช้าพลู ๑  บาท  เทียนดำ ๑  บาท  รากเจตมูลเพลิง ๑  บาท  ขิงแห้ง ๑  บาท  ดีปลี ๑  บาท  สะค้าน ๑  บาท  หัวแห้วหมู ๑  บาท  ว่านน้ำ ๑  บาท  ฝักส้มป่อย ๑  บาท  ผลสลอด ๑  บาท  สหัสคุณเทศ ๑  ตำลึง  เปล้าน้อย ๙ บาท  พริกล่อน ๑  ตำลึง  กระเทียม ๓  ตำลึง  หัวดองดึง  ๑  บาท  ทำผงละลายน้ำผึ้งก็ได้  น้ำส้มซ่าก็ได้  น้ำร้อนก็ได้ น้ำขิงก็ได้  สุราก็ได้  ถ้าจะแช่สุราฝังข้าวเปลือกไว้ก็ได้  แก้สรรพโลหิตเน่าร้ายทั้งปวง  แก้ลม แก้เสมหะ แก้ริดสีดวงผอมเหลือง  แก้ไอและท้องโรและขัดโลหิตกินยานี้ออกดีนักแล

ยาแก้โลหิตร้าย  

          ถ้าขัดระดูไปปีหนึ่งสองปีก็ดี  และโลหิตรั้งอยู่นั้นมันจะกลายเป็นมานโลหิต  มานหินมานน้ำ  เป็นริดสีดวงก็ดี  ถ้าจะแก้ท่านให้เอาหัวดองดึง ๘  บาท  รากเจตมูลเพลิง ๒  บาท  ดีปลี ๑  บาท  เทียนขาว ๑  บาท  ทำผงละลายสุรากินหายแล

ถ้าโลหิตข้นเป็นไตอยู่ในท้องก็ดี  ท่านให้เอาผักเสี้ยนผีตำกรอง  เอาน้ำให้ข้น ปรุงพริก ๑  ของ ๑  ดีปลี ๑  กระเทียมให้กิน  แก้โลหิตร้ายตกสิ้นแล

ยาฤทธาจร  

         เอามหาหิงคุ์ ๑  ขิงแห้ง ๑  รากเจตมูลเพลิง ๑  สะค้าน ๑  ดอกช้าพลู ๑  หัวแห้วหมู ๑  ผลพิลังกาสา ๑  เทียนดำ ๑  เทียนขาว ๑  เกลือเทศ ๑  เอาเสมอภาคทำผงละลายน้ำผึ้งก็ได้ หรือน้ำร้อนก็ได้  แก้ลมขึ้นทั้งตัว  ลมเป็นก้อนและโลหิตเป็นก้อนในท้อง  ให้ปวดขัดเจ็บไปทุกเมื่อก็ดี ให้กินยานี้หายแล

ยาดองขับโลหิต    

          ให้เอาโลดทะนง ๑  ไฟเดือนห้า  เอื้องเพ็ดม้า ๑  หางไหลแดง ๑  เปลือกตาเสือ ๑  เปลือกมะม่วงพรวน ๑  เปลือกกระทุ่มหมู ๑  ยาข้าวงเย็น ๑  แก่นสน ๑  สารส้ม ๑  ดีปลี ๑  ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๑  บาท  เทียนทั้งห้า สิ่งละ ๑  สลึง  ผลจันทน์ ๓  ผล  ดองด้วยสุรา  ๓  ทะนานให้พลีจงดี  กินทีละช้อนหอยหนึ่งก่อน  ถ้าโลหิตมิตกให้ใส่หางไหลอีก  ๒  สลึง  กินแก้โลหิตเป็นก้อนเป็นลิ่มอยู่นั้นออกมาสิ้น  ท่านตีค่าไว้ชั่งทองหนึ่งแล

ยาขับโลหิต    

          เอาตรีกฏุก ๑  แก่นแสมทะเล ๑  ไฟเดือนห้า ๑  เปล้าทั้ง ๒  กระเทียม ๑  หญ้ายองไฟ ๑ โลดทะนง ๑ เทียนดำ ๑ เอาเสมอภาคทำผงละลายสุรา ให้กินตามกำลังเถิดมีระดูมาแล

ยาหลังคลอด    

           ท่านให้แต่งยานี้  ให้เอาแก่นแสมทั้ง ๒  หญ้าพันงูแดง ๑  หญ้าพันงูขาว ๑  รากผักโขมหิน ๑  รากสะแก ๑  หัวบุก ๑  เบี้ยผู้เผา ๑๒  เบี้ย  แช่สุรากินให้มดลูกแห้งแล

ยาขับโลหิต    

           เปลือกจำปา๑  ใบคนทีสอ ๑  หญ้าปากควาย ๑  ใบถั่วแระ ๑  ยา  ๔  สิ่งนี้  เอาสิ่งละกำมือ  ยาข้าวเย็น ๕  ตำลึง  ต้มด้วยสุรากินหาย

ยาแก้สรรพเลือดอันพิการต่าง ๆ  

           เอาหัสคุณเทศ ๑  บาท  เปล้าน้อย ๑  บาท  แก่นสน ๑  บาท  หัวแห้วหมู ๑  พริกล่อน ๑  บาท  ดีปลี ๑  บาท  ขิงแห้ง ๑  บาท  ผลจันทน์ ๑  บาท  เทียนหลอด ๑  สลึง  เทียนขาว ๑  สลึง  เทียนสัตตบุษย์ ๑  สลึง  เทียนดำ ๑  สลึง  เทียนข้าวเปลือก ๑  สลึง  ทำผงละลายน้ำผึ้งรวงกินหนัก  ๑  สลึง  แก้สรรพเลือดอันพิการต่างๆ  ถ้าผู้หญิงโลหิตจับหัวใจ  เป็นพิกลจริตต่าง ๆ  ก็เป็นเพราะโทษโลหิตนั้นถ่ายเดียว  ให้กินยานี้ไปโลหิตนั้นก็จะมีมาตามระดูแล

ยาขับโลหิต    

           เอาการบูรฝังเข้าไปในหัวขมิ้นอ้อย  สุมไฟแกลบให้สุกแล้วฝานแว่นผึ่งแดดให้แห้งแช่สุรากิน  โลหิตออกดีนักแล  ยาแก้โลหิตร้ายทั้งปวงต่าง ๆ  ท่านให้เอาเทียนดำ ๑  โกฐหัวบัว ๑  สมอไทย ๑  การบูร ๑  พริก ๑  ขิง ๑  กระเทียม ๑  เอาสิ่งละ ๑  บาท  บดละลายสุรากิน  ให้โลหิตนั้นชุ่มออกหายเจ็บปวดทั้งปวงแล

ยามาศคุณ    

           ท่านให้เอาเปลือกกุ่มทั้ง ๒  เปลือกมะรุม ๑  เปลือกทองหลางใบมน ๑  พริก ๑  ขิง ๑  ข่า ๑  กระชาย ๑  ดีปลี ๑  กะทือ ๑  ไพล ๑  หอม ๑  กระเทียม ๑  ยาทั้งนี้เอาเสมอภาคบดละลายเหล้ากิน  โลหิตออกสะดวกดีนัก  ได้ทำแล้ว

ยาผายโลหิตเน่าร้ายทั้งปวง    
ยาต้านฝีหนอง

          ท่านให้เอาใบมะขาม ๑๐  ตำลึง  ใบส้มป่อย ๑๐  ตำลึง  ผลคัดเค้า ๒  ตำลึง  ฝักราชพฤกษ์ ๑  ตำลึง  ผลมูลกาแดง ๑  บาท  ผลมูลกาขาว ๑  บาท  ใส่หม้อเคี่ยวให้แต่พอกินได้ แทรกส้มมะขามเปียก  กินเป็นยาประจุโลหิตเน่าร้ายตกหมกอยู่นั้น ละลายออกสิ้นยานี้วิเศษนัก

ยาแก้โลหิตตกมากเหลือกำหนด    

           เอาพริกไทย ๑  บาท  หัวหอม ๑  บาท  เทียนดำ ๑  บาท  กระเทียมแห้ง ๑  บาท  บดด้วยน้ำมะนาวปั้นแท่งไว้  กินแก้โลหิตอันตกมากเหลือกำหนดหายแล

ยาประจุโลหิตเน่าร้ายทั้งปวง    

          ถ้าระดูมิสะดวกออกไม่งามก็ดี  เขาทุบถองตีโบย ตกต้นไม้ก็ดี  และโลหิตห่อเข้าอยู่ในอกก็ดี  ถ้าจะแก้ให้เอาเทียนดำ ๑  บาท  กระเทียมสุก ๑  บาท  ดีเกลือ ๑  บาท  บดเป็นแท่งไว้ให้กิน


ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น